วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

5 สิ่งที่ควรทำในตอนเช้า

   

ถ้าคุณได้เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทำสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ วันนั้นทั้งวันจะเป็นวันที่ดีสำหรับคุณ และจะส่งผลยาวต่อเนื่องให้คุณกลายเป็นคนที่มีสุขภาพดีตลอดปีได้
1. ดื่มน้ำสะอาด 1 แก้วใหญ่ เป็นวิธีที่ช่วยให้คุณตื่นอย่างเต็มตา ช่วยกระตุ้นเมตาบอลิซึ่ม และช่วยให้ร่างกายได้รับความสดชื่นเตรียมพร้อมสำหรับกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ


http://m.cannot.info/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%A5     2. เคลื่อนไหวร่างกาย หลังจากรองท้องด้วยของว่างแบบเบา ๆ ควรเริ่มต้นออกกำลังกายเพื่อให้หัวใจเต้นแรงและเลือดสูบฉีด มีผลการวิจัยบอกไว้ว่าการออกกำลังกายในตอนเช้าช่วยเบิร์นแคลอรีได้ดีกว่า
ออกกำลังกาย

http://www.thiswomen.com/Health/id5263.aspx

3. กินโปรตีนและไฟเบอร์ กาแฟกับมัฟฟินที่หลายคนชอบ ไม่ช่วยให้ได้รับพลังงานดี ๆ ที่ร่างกายและสมองต้องการ แต่การรับประทานโปรตีนและไฟเบอร์ในตอนเช้าจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ทั้งยังช่วยให้อิ่มไปจนถึงมื้อเที่ยง

user posted image
http://www.siamnaliga.com/forum/index.phps=572543952e8f35b9aad8c635ee15a34d&act=ST&f=9&t=186973

4. เตรียมอาหารที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงอาหารยั่วใจที่ไร้คุณภาพ การเตรียมผักสลัด หรือผลไม้ใส่กล่อง ข้าวกล้องสำหรับมื้อเที่ยง จะช่วยให้คุณได้รับอาหารที่มีประโยชน์อย่างเพียงพอ และสะอาด
http://www.ilovetogo.com/Article/82/1043/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%B9-(Bankampu-Tropical-Cafe)

5. ทาครีมกันแดด รังสียูวีสามารถทะลุทะลวงผ่านหน้าต่างเข้ามา ผ่านเสื้อผ้าเข้าสู่ผิวของคุณได้โดยตรง ฉะนั้นการป้องกันผิวจากแสงแดดจึงเป็นเรื่องจำเป็น หลังอาบน้ำ ทาม้อยส์เจอร์ไรเซอร์แล้ว ควรต่อด้วยครีมกันแดด ถ้าไม่อยากเสี่ยงกับโรคมะเร็งผิวหนัง และรอยเหี่ยวย่นก่อนวัย




http://www.fisho.com/blog/goat/blog.php?id=4077
เริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ได้เลยนะคะ...

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การดูแลระบบไหลเวียนโลหิต


ระบบไหลเวียนโลหิตเป็นปกติคือกุญแจสำคัญที่ทำให้สุขภาพดี แต่ทราบไหมว่าอะไรคือสัญญาณที่บ่งบอกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับระบบไหลเวียน?
ดูแลระบบไหลเวียนเสียแต่เดี๋ยวนี้


* รับประทานอาหารที่มีไขมันจำเป็นมากๆ จะช่วยป้องกันการก่อตัวของคอเลสเตอรอล ไขมันจำเป็นนั้นจะพบมากในปลาและน้ำมันจำพวกมะกอก, ลินสีด (Linseed), เรพสีด (rapeseed)

* อาหารที่อุดมด้วยไบโอฟลาโวนอยด์ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง โดยพบมากในเบอร์รี่สีแดงและสีม่วงเช่นราสเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และแบล็กเบอร์รี่

* การออกกำลังกายทำให้หัวใจและหลอดเลือดดำแข็งแรง โดยเฉพาะแอโรบิก เพราะช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจเป็นปกติ การจ็อกกิ้ง ว่ายน้ำ และเต้นรำก็ล้วนแต่ส่งผลดีต่อหัวใจเช่นกัน

* ถ้าคุณสูบบุหรี่ ก็ควรเลิกซะ เพราะทำให้ภาวะการทำงานของหลอดเลือดแดงไม่ดี และสารพิษจากบุหรี่ยังเข้าไปขัดขวางไม่ให้เลือดลำเลียงสารอาหารจำเป็นไปเลี้ยงร่างกาย


ความดันโลหิตสูง
อาการ: ไม่ปรากฏแน่ชัด แต่หากปล่อยไว้ไม่รักษาเป็นเวลานาน โอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจหรือเส้นเลือดในสมองแตกก็มีสูง ควรตรวจเช็คความดันโลหิตเป็นประจำ ซึ่งไม่ควรเกิน 150/90 แต่ความดันของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นกับอายุ น้ำหนัก และระดับความสมบูรณ์ของร่างกาย
สาเหตุ: บ่อยครั้งที่ไม่อาจระบุได้แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด ความอ้วน การสูบบุหรี่ ปริมาณแอลกอฮอล์และน้ำตาลที่มากเกินล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้ความดันโลหิตสูงได้ 10 % ของคนที่เป็นความดันโลหิตสูงหรือที่รู้จักกันว่า “โรคความดัน” มีสาเหตุมาจากโรคเบาหวาน โรคไต ภาวะการตั้งครรภ์ ตลอดจนการรับประทานยาคุมกำเนิดและยาจำพวกสเตียรอยด์
ทางแก้: กันไว้ดีกว่าแก้ด้วยการลดความเสี่ยงในการเกิดโรค ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม “การรับประทานรสเค็มจัดทำให้ความดันโลหิตสูง จึงไม่ควรเติมเกลือในอาหาร ระวังอาหารจำพวกปรุงสำเร็จหรืออาหารกระป๋อง”
เอียน มาร์เบอร์ โภชนากรของ Health Plus กล่าว งดเว้นน้ำตาล อาหารมันๆ เลือกทานผักและผลไม้สด น้ำมันปลาแมคเคอเรลและแซลมอน แต่ถ้าคุณเป็นมังสวิรัติก็ให้รับประทานเมล็ดทานตะวัน และเมล็ดลินสีดแทน ที่สำคัญต้องไม่เครียดและหาเวลาพักผ่อน “ในแต่ละวันให้ลองนั่งหลับตาคิดอะไรเพลินๆฟังซีดีเสริมสร้างกำลังใจ หรือฝึกนั่งสมาธิ” เดบอราห์ มาร์แชล-วอร์เรนผู้เชี่ยวชาญด้านสะกดจิตแนะ การออกกำลังกายเบาๆ เช่นการเดิน เล่นโยคะ ว่ายน้ำ หรือไทชิช่วยได้ อย่างไรก็ตาม คุณควรไปพบแพทย์ก่อนหากมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ


โรคโลหิตจาง

อาการ: อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ ผิวซีดมาก

สาเหตุ: เกิดจากจำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงต่ำ ทำให้เลือดไม่สามารถลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย สาเหตุเกิดจากการขาดสารอาหาร
หรือสูญเสียโลหิตจำนวนมากซึ่งพบมากในช่วงที่ผู้หญิงตั้งครรภ์หรือมีประจำเดือน
ทางแก้: “รับประทานอาหารที่มีวิตามินบีสูง ซึ่งคนที่เป็นโรคโลหิตจางมักขาดวิตามินดังกล่าว” เอียน มาร์เบอร์บอก “ควรรับประทานโฮลเกรน (wholegrain) และอาหารจำพวกธาตุเหล็กซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง” เขาแนะนำให้รับประทานถั่วต่างๆ ผักใบเขียว แอสพารากัส หัวบีท แอปริคอต แครอท ลูกฟิกหรือมะเดื่อฝรั่ง และผักสลัดน้ำ (watercress)อาหารเหล่านี้อุดมด้วยธาตุเหล็ก แจน เดอ รีส์ ผู้เชี่ยวชาญด้าน Naturopathy ยังแนะนำให้ดื่มชาเน็ทเทิล (nettle tea) เป็นประจำทุกวัน เนื่องจากมีธาตุเหล็กสูง


หลอดเลือดตีบ
อาการ: หลอดเลือดแข็งตัว ทำให้เกิดอาการติดขัด เนื่องจากเส้นเลือดอุดตันจึงไม่สามารถลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อขาดเลือด

มักเกิดกับคนที่มีน้ำหนักตัวมากหรือมีประวัติว่าคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคดังกล่าว หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เข้าข่ายดังกล่าว ควรไปพบแพทย์
สาเหตุ: เกิดจากไขมันเกาะตัวอยู่ภายในผนังหลอดเลือดแดง โดยมากเกิดจากการสูบบุหรี่ หรือทานอาหารที่มีไขมันสูง และไม่ออกกำลังกาย และยังเชื่อกันว่ามีที่มาจากกรรมพันธุ์ การสะสมตัวของไขมันทำให้หลอดเลือดตีบและยืดหยุ่นน้อยลง และนำไปสู่การเป็นโรคหัวใจและเส้นเลือดในสมองแตกได้ในที่สุด

ทางแก้: “วิธีป้องกันหลอดเลือดตีบทำได้โดยรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลต่ำ” แจน เดอ รีส์บอก “ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากสัตว์และน้ำตาล รับประทานเมล็ดธัญพืช ผักสด และน้ำมันบีบเย็นจากธรรมชาติ (natural, cold-pressed oils)
ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้คอเลสเตอรอลแตกตัว” สมุนไพรสกัดจากใบแป๊ะก๊วยช่วยลดคอเลสเตอรอลได้และทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานดี จึงควรรับประทานวันละ 2 ครั้งในปริมาณ 120 มิลลิกรัม หรือจะรับประทานสมุนไพรสกัดจากโหระพาวันละ 3 ครั้งในปริมาณ 25 มิลลิกรัมต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน
ความดันโลหิตต่ำ

อาการ: หน้ามืด วิงเวียนโดยเฉพาะเวลายืนขึ้นเร็วเกินไป แม้ความดันโลหิตต่ำจะไม่อันตราย แต่ก็อาจก่อให้ความรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายได้


สาเหตุ: อาจเกิดจากการที่ระบบประสาทไม่สามารถสั่งการหัวใจให้สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกายได้มากเพียงพอ เป็นผลให้ความดันตกหลังจากการนั่งหรือนอนราบ

ทางแก้: ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรเพื่อป้องกันความดันโลหิตต่ำ ทั้งนี้เนื่องจากการระเหยของน้ำมีผลทำให้ปริมาณโลหิตในร่างกายลดต่ำลง
นั่นหมายความว่าการสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกายทำได้ช้าลง จึงจำเป็นต้องรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ดังนั้นจึงควรรับประทานคาร์โบไฮเดรตคอมเพล็กซ์จำพวกข้าวก้อง ผัก น้ำมันหอมระเหยกลิ่นโรสแมรี่กระตุ้นความดันโลหิตได้

โรเบิร์ต ทิสเซอรานด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอโรมาเธอราปีกล่าว หยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นดังกล่าว 4-5 หยดลงในอ่างอาบน้ำ หรือจะใช้เบสออย (base oil) 3 หยดจนถึง 20 มิลลิลิตรนวดให้ซึมซาบทั่วผิว โสมช่วยได้ รับประทานอาหารเสริมที่สกัดจากโสมวันละ 500 มิลลิกรัมเป็นประจำ
แหล่งที่มาของข่าว

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี

10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี


 ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายแห่งให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก
1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอ
รอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง
 
2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี
 
3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว
4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวาน
 
6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่ ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอ
รอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล
 
7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%
 
8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เช่น สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินด้วย
 
9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลม
 
10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้
 
ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย !!

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Brain Gym

 

ประโยชน์ของการบริหารสมอง
 1.เป็นการช่วยให้สมองแข็งแรงและทำงานอย่างสมดุลย์กันทั้ง2 ซีก คือ ซีกซ้ายและขวา
 2.ทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนรู้และการทำงานดีขึ้น
 3.ทำให้เกิดการผ่อนคลาย
 4.ทำให้เกิดความรู้สึกสงบ(clam) และมีความมั่นใจในตนเอง
 
ข้อควรปฏิบัติ
1.การบริหารสมองท่าต่าง ๆ ควรทำซ้ำ ๆ ประมาณ 4-6 ครั้งเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
 2.ควรทำซ้ำๆประกอบการหายใจที่ถูกต้อง คือ หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ หายใจออกช้าๆ อย่ากลั้นลมหายใจ
 3.พยายาม พยายาม และพยายาม หากยังทำท่าไม่ได้ในครั้งแรก ๆ
4.ไม่ควรรับประทานอาหารอิ่มเกินไป หรือปล่อยให้ท้องว่างเกินไป
5.ไม่ควรบริหารสมองหลังดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
 6.ดื่มน้ำบริสุทธิ์อย่างน้อยวันละ 12 แก้วขึ้นไป เนื่องจากสมองเป็นอวัยวะที่สูญเสียน้ำได้รวดเร็วมาก (dehydration) เมื่อสมองขาดน้ำ ซึ่งเป็นตัว catalyst จะทำให้เกิดความรู้สึกทึบ ตื้อ คิดอะไรไม่ออก

Brain Gym มีทั้งหมด 4 ท่าคือ
1.การเคลื่อนไหวสลับข้าง (cross-over movement)
ทำให้การทำงานของสมอง 2 ซีกถ่ายโยงข้อมูลถึงกันได้ เช่น สมองซีกซ้ายจะสามารถใช้จินตนาการ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์จากสมองซีกขวา เมื่อทำท่าเหล่านี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อมีการทำงานที่ประสานกันมากขึ้น
2.การยืดส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย (lengthening movement)
1
การยืดส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้ผ่อนคลายความตึงเครียดของสมองส่วนหน้าและส่วนหลัง และทำให้มีสมาธิในการเรียนรู้และการทำงาน
 3.การเคลื่อนไหวเพื่อกระตุ้น (energising movement)
http://www.edutopia.org/brain-based-research-powerful-learning
เป็นท่าที่จะช่วยกระตุ้นการทำงานของกระแสประสาท ทำให้เกิดการกระตุ้นความรู้สึกทางอารมณ์ เกิดแรงจูงใจ เพื่อช่วยให้เรียนรู้ได้ดีขึ้น จุดตำแหน่งต่าง ๆ ในร่างกายที่จะกระตุ้นการทำงานของสมอง ได้แก่
1. ใช้นิ้วชี้นวดขมับเบา  
 
2.ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้วางบริเวณกระดูกต้นคอ ลูบเบา ๆ อีกมือวางที่สะดือ กวาดตาจากซ้ายไปขวา และจากพื้นถึงเพดาน เปลี่ยนมือ ทำเช่นเดียวกัน
3.ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลาง แตะเหนือริมฝีปาก อีกมือวางที่ตำแหน่งกระดูกก้นกบ กวาดตามองจากพื้นถึงเพดาน หายใจเข้า ออกลึก ๆ เปลี่ยนมือ ทำเช่นเดียวกัน
4. ใช้มือนวดกระดูกหลังใบหูเบา ๆ อีกมือวางที่ตำแหน่งสะดือ ตามองตรงไปข้างหน้าไกล ๆ จินตนาการวาดรูปวงกลมด้วยจมูก เปลี่ยนมือ ทำเช่นเดียวกัน
 
5.ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลาง วางที่ใต้คาง อีกมืออยู่ที่ตำแหน่งเดียวกับสะดือ  หายใจเข้า ออกลึก ๆ ช้า ๆ สายตามองจากไกลเข้ามาใกล้ เปลี่ยนมือ ทำเช่นเดียวกัน
6. นวดใบหูด้านนอกเบาๆ ทั้ง 2 ข้าง แล้วใช้มือปิดใบหูเบา ๆ ทำซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง ควรทำท่านี้ก่อนอ่านหนังสือ

7. ใช้มือทั้ง 2 ข้างเคาะที่ตำแหน่งกระดูกหน้าอก โดยสลับมือกัน เคาะเบา ๆ
4.การบริหารร่างกายง่าย ๆ (useful exercises)
สรุป
เริ่มบริหารสมอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของสมอง การเรียนรู้และลดความเครียดง่าย ๆ แบบไม่สิ้นเปลืองสตางค์ สามารถทำได้แบบไม่จำกัดเวลาและสถานที่ เมื่อคุณทำได้ผล ลองขยับไปช่วยสอนคนข้าง ๆ บ้าง ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
ปฏิบัติการสู่สมองฉลาด Switch – on Brain ดร.พัชรีวัลย์  เกตุแก่นจันทร์. สำนักพิมพ์ 5+5. พิมพ์ที่ H.N. Group ; 2544 กรุงเทพมหานคร

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

10 ข้อห้ามเรื่องกิน

10 ข้อห้ามเรื่องกิน


เรื่องกินก็เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต เพราะฉะนั้นทุกคำที่กินก็ต้องกินอย่างมีสติ ไม่อย่างนั้นโรคภัยไข้เจ็บก็จะคุกคามตามมา

1.กินเช้าดีแต่...ต้องมีลิมิต
อย่าคิดเน้น แป้ง (Refined carbohydrate) มากไป เช่น ข้าวราดแกงให้เพลาข้าวลงนิด หรือคิดกินเส้นก็เป็นเกาเหลาก็ยังได้ เพราะแป้งมากจะทำให้หิวง่ายก่อนเที่ยง แถมเสี่ยงอ้วนชวนโรคมาอีกมากมาย 
 2 .กินแค่พออิ่ม 
กระเพาะเป็นอวัยวะเฉื่อยกว่าจะส่งสัญญาณอิ่มไปสมองต้องใช้ราว 15 นาที มีเทคนิกง่ายๆคือให้ อิ่มก่อนอิ่มแล้วจะสบายท้องดีที่สุด
 3. ชอบลิ้มก่อนนอน
 ขอให้ยามหลับเป็นเวลาพักของลำไส้ ช่วงแรกอาจมีท้องกิ่วนิดๆ แต่ขอให้คิดว่า เพื่อให้สมองได้หลับสนิทแล้วหลั่ง ธาตุนิทรา(Melatonin) กับ ธาตุหนุ่มสาว(Growth hormone) แล้วตื่นมาจะสบายกว่าที่คิด 
4 .  อย่าย้อนกระเพาะ

http://www.sodahead.com/living/what-food-would-you-eat-the-most/question-832945/?page=3&link=ibaf&imgurl=http://www.pembine.k12.wi.us/TECHE_ED_FOODS/healthy%2520food.jpg&q=eat%2Bfood%2Bfor%2Bhealth
ขอให้เลี่ยงอาหารมัน เพราะเป็นอาหารสำหรับโรคกระเพาะและกรดไหลย้อน อาหารเผ็ดยังไม่น่ากลัวเท่าเพราะของทอดและมันเป็นอาหารอร่อยสั้นแต่มันอยู่ในกระเพาะได้ยาวนานกว่า
อาหารอื่น ขืนกินบ่อยต้องระวังกรดไหลย้อน
5 .กินต้องฝึก
หิวเมื่อไรให้ดูว่า หิวจริง หรือ หิวหลอก บ่อยครั้งที่เป็นแค่ อยาก คือหิวแบบหลอกแต่กินจริง คนไทยชอบกิน จุบจิบ วิธีง่ายๆให้ถามตัวเองว่า หิวขนาด กินฝรั่งสดได้สักลูกไหม ถ้าใช่ก็หิวจริง หาอาหารมาทานได้
  6 . นึกแต่หวาน
woman eat food addiction health
ของน่าทานอันดับหนึ่งคือ ของหวาน คนไทยเป็น โรคติดหวาน(Carbohydrate addiction) กันมาก มีวิธีสังเกตง่ายว่าเมื่อไรกินข้าวเสร็จแล้วต้องกินของหวานล้างปากอีกหรือไม่ ถ้าใช่ก็ค่อยๆ เลิก
 7.  ทานเน้นมันดี
 ขอให้เลือก ไขมันดี ซึ่งมีหลากหลายน้ำมันพืช,สัตว์ น้ำมันและอย่าใช้น้ำมันแบบยกขวดเท ให้ใช้ช้อนตักใส่กะทะหรือจะใช้แปรงทาก็ได้

http://www.google.co.th/imgres?imgurl=http://jlovegren2.nomadlife.org/IMG_9662.JPG&imgrefurl=http://
8 .กินติดปรุง
 อย่ายุ่งกับ พวงเครื่องปรุง ทุกครั้งไป เพราะมันคือสุขภาพที่เสียไปทุกช้อนที่เติมน้ำปลา,น้ำตาล,ซีอิ๊วหวานหรือซอส เพราะยอดของความอร่อยเกี่ยวกับรสธรรมชาติแท้ๆ

http://www.liveingoodhealth.info/article/healthy-foods-to-eat/
 9 .มุ่งกินกาก
Woman eating an apple
http://www.catherine-morgan.com/2010/02/27/eat-healthy-for-life-not-weight-loss/
 อยากให้สุขภาพดี แถมได้ ล้างพิษ ไปในตัวขอให้ช่วยกิน เส้นใย(ไฟเบอร์) ซึ่งได้แก่กากทั้งละลายน้ำได้และไม่ได้ เช่นกินผลไม้ก็ให้กินเปลือกด้วย(ผลไม้ที่กินเปลือกได้) ให้ได้กินอย่างน้อยวันละหนึ่งผล ผักสัก 5 ทัพพี 
10. อยากให้หลากหลาย 
low cholesterol foods A List of Food with Low Cholesterol
http://amazooo.com/the-truth-about-calories-and-fat-in-food
อย่าทานอาหารเจ้าเดียว ขอให้สลับอาหารให้หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยง ขอให้เลี่ยงก๋วยเตี๋ยวสามมื้อหรือเช้าข้าวราดแกง กลางวันแกงราดข้าว หรือจะเอากับข้าวบ้านมาทานสักสัปดาห์ละครั้งก็ดี 
ทราบแล้วลองนำไปปรับเปลี่ยนนิสัยการกินอาหารกันใหม่  แล้วรอดูสุขภาพของคุณสิ
takecareDD@gmail.com

ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ร่างกายแข็งแรงจิตใจสมบูรณ์


ร่างกายแข็งแรงจิตใจสมบูรณ์
เคล็ดลับง่ายๆที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงและจิตใจที่แจ่มใสมีพลัง เพียงแต่เห็นความสำคัญของปัจจัยพื้นฐานสามประการในการดำรงชีวิตต่อไปนี้ ก็จะมีหุ่นสวยสุขภาพดี

1.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

  การออกกำลังกายทำให้สมองหลั่งสารเอนโดร์ฟิน หรือที่เรียกกันว่า สารแห่งความสุขออกมา สารนี้ช่วยให้เรามีอารมณ์ที่ดีขึ้น และช่วยผ่อนคลายความเครียด เพราะเอนโดร์ฟินทำหน้าที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียด นอกจากนี้การออกกำลังกาย จะทำให้เกิดการแตกตัวของไขมันซึ่งจะทำให้ร่างกายสร้างแอล ทริปโตเฟน ซึ่งเป็นโมเลกุลที่คล้ายคลึงกับสารเซโรโทนินหรือสารสื่อประสาทที่มีส่วนช่วยให้เรารู้สึกเป็นสุขออกมา การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอยังช่วยลดความวิตกกังวลและทำให้ทัศนคติที่เรามีต่อตัวเองดีขึ้นอีกด้วย บ่อยครั้งที่เราจะรู้สึกว่าตัวเองดูดีขึ้นหรือสัดส่วนกระชับขึ้นหลังออกกำลังกาย และไม่ว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิก หรือแบบต้านแรงเช่น การยกน้ำหนัก หรือเล่นเวทจะทำให้เรารู้สึกสดใส มีพลังและยังมีร่างกายที่แข็งแรงเป็นของแถม
2.ทานอาหารที่มีประโยชน์ 

การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการสามารถช่วยลดความเครียดได้ แต่อย่าลืมว่าถ้าคุณรับประทานอาหารขณะรีบร้อนหรือรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลเชิงเดี่ยวสูงเกินไปเช่น เค้ก คุ้กกี้ หรือน้ำอัดลม อาจทำให้คุณรู้สึกเครียดมากขึ้นได้ โดยปกติแล้วเรามักจะเผลอทานอาหารหวานจัดเวลาเครียดโดยคิดว่าสิ่งนี้จะช่วยเพิ่มพลัง แต่ทางที่ดีคุณควรจะหันมารับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากกว่า เพราะอาหารสดๆที่ปราศจากสารปรุงแต่งจะช่วยให้ร่างกายทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น โปรตีนคุณภาพจากปลา ไข่ หรือเต้าหู้ช่วยซ่อมแซมเนื่อเยื่อที่สึกหรอ ผักและผลไม้สดเป็นแหล่งสำคัญของใยอาหารรวมทั้งวิตามินและเกลือแร่ที่สำคัญต่อร่างกาย อาหารนมมี แอล ทริปโตเฟนสูงที่จะช่วยสร้างสารเซโรโทนิน กรดไขมันโอเมกาสามช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจวายเฉียบพลัน ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและช่วยแก้อาการซึมเศร้า ดังนั้นอย่าลังเลที่จะทานอาหารดีๆ ที่มีประโยชน์เวลาที่คุณรู้สึกเครียด
3.นอนพักผ่อนให้เพียงพอ


  การนอนพักผ่อนให้เพียงพอเป็นหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพดี ถ้าเรานอนไม่พอร่างกายจะตกอยู่ในภาวะเครียดเรื้อรัง และร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียดที่เป็นพิษออกมาทำลายสุขภาพ จากการวิจัยพบว่าคนเราควรนอนหลับให้ได้โดยเฉลี่ยวันละ 7 ชั่วโมง ที่มาข้อมูล : วี สลิม บิวตี้ สปา (Vie Slim Beauty Spa)

เทคนิคทำให้นอนหลับสบาย

การนอนหลับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด ช่วยให้คุณสดชื่น สุขภาพดีทั้งกายและใจ

http://www.bgirlclub.com/healthandbeauty/%E0%B8%

เพื่อให้เซลล์ผิวฟื้นฟูได้ดีขึ้น คงความอ่อนเยาว์ และสุขภาพที่แข็งแรง คือ
1. นอนหงาย หยุดความคิดไว้ที่ร่างกายตนเอง
2. เริ่มต้นเกร็งและผ่อนคลายเท้าสองข้างสลับกัน แล้วค่อยๆ ขยับขึ้นมาจนถึงศีรษะ
3. เมื่อมาถึงศีรษะ ให้เกร็งและผ่อนคลายทุกอวัยวะ (ขากรรไกร ดวงดา หน้าผาก)
4. กดศีรษะลงกับหมอนและนอนหลับอย่างผ่อนคลาย
5. หากยังไม่หลับ ตั้งสมาธิกับการหายใจให้ลึกและยาว เว้นจังหวัะเล็กน้อยระหว่างหายใจเข้าและออก ช่วยให้สมองปรอดโปร่ง รู้สึกผ่อนคลาย
ที่มา: B-GirlShop ร้านขายเสื้อผ้าคนอ้วนออนไลน์